Friday, October 7, 2016

Paradox: Before Sunrise/After Sunset | รีวิวเพลงทั้ง 52 กันบ้าง

หลังจากก่อนหน้านี้ผมได้แกะกล่องมาให้ดูแล้ว คร่าวนี้มาลองฟังรีวิวเนื้อในกันบ้าง
กับเพลงทั้งหมด 52 เพลง ในอัลบัมชุดใหม่ของ Paradox : Before Sunrise/After Sunset


ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าในเนื้อหา 3 แผ่นนี้ ทำผมผิดหวังนิดนึงกับแผ่นแรกและแผ่นสอง
ที่เอาอัลบัมเก่าคือ Daydreamer มาใส่ไว้ด้วย ไม่เจ๋งอย่างที่โม้ไว้ว่า 52 เพลง

ซึ่งก็ไม่เสียหายถ้าหากคุณยังไม่มีอัลบัมเก่าของเขา 
ก็เท่ากับได้มาเก็บเป็น Boxset ไว้เลย

ฉะนั้นผมขอข้ามเนื้อหาของแผ่นที่ 1 ไป
เราจะมาเริ่มพูดถึงแผ่นที่ 2 และแผ่นที่ 3
ใครเบื่ออ่านปิดได้เลยครับ เพราะหลังจากนี้
จะมีข้อความยาวหน่อย

แผ่นที่ 2 Before Sunrise/After Sunset

_________________________________________________

แผ่นนี้ถ้านับกันจริงๆมีเพลงใหม่ไม่ถึง 20 เพลง
เพราะก่อนหน้านี้เขาก็เคยปล่อยเพลงพวกนี้กันมาแล้ว
โดยรวมแล้วผมชอบนะกับแผ่นนี้

_________________________________________________

1 ไม่มีเธอ ( กล่องดวงใจ ) 
เพลงนี้มากับจังหวะร็อคสไตล์ paradox 
กีต้าร์เปิดเสียงแตกกันเต็มที่ เหมาะสำหรับเป็นเพลงจังหวะโดดๆได้
แต่เสียดายที่เพลงนี้เคยปล่อยมาแล้วตั้งแต่ปี 2013 นานเชียวพึ่งมายัดใส่

2.โป๊ะเชะ 
เพลงนี้ผมขอนับเป็นเพลงใหม่ที่ใหม่จริงๆเพลงแรก เพราะว่าเพลงก่อนหน้านี้เคย
อัพลง Youtube มาแล้ว ส่วนด้านเนื้อหาเพลงฟังแล้วรู้สึกสนุกดี
ดูไม่มีพิษไม่มีภัย ดนตรีฟังง่ายฟังสบาย ดนตรีโจ๊ะๆสนุกสนาน

3.หลุมศพปลาวาฬ
เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่เคยปล่อยมาแล้ว
แต่ผมมาฟังในนี้อีกครั้งก็ยังชอบ เนื่องจากดนตรีฟังแล้วดูมีมิติ
เล่นกับซาวด์กีต้าร์ได้สนุกสนานดี ทั้งกัดปิ๊ก เล่นกับนอยซ์
ผสมกับทำนองและเนื้อเพลงที่ฟังแล้วลื่นหูดี เนื้อหามีการแฝงสาระเข้าไปอีก

4.รถไฟขบวนแห่งความฝัน
เพลงนี้ก็ปล่อยมาแล้วอีกเช่นกัน กับทำนองเบาๆ
ฟังง่ายๆ ดูเคว้งคว้าง เหม่อลอย ท่อนฮุคที่ติดหู กีต้าร์ตีคอร์ดชิลล์ๆ
เนื้อหาที่พูดถึงความฝันตามชื่อเพลงเลย 

5.มิสไซล์ ( โรงงานผลิตความเกลียดชัง )
เพลงนี้ก็เคยปล่อยมาแล้วอีกเช่นกัน ตอนผมฟังครั้งแรก
ได้กลิ่นอายของ Muse มาเต็มๆ สไตล์ดนตรี เสียงร้อง มาแนวคล้ายๆกัน
ถามว่าดีไหม ก็ดีครับ เพราะคนไทยก็ไม่ค่อยจะมีวงตลาดๆทำแบบนี้เท่าไร

6.ฤดูฝน 
เพลงนี้มีการใช้อิเล็กทรอนิกซ์ผสมผสานตอนอินโทร
และมากับดนตรีร็อคช้าๆคอร์ดแน่นๆ สาดกีต้าร์เน้นๆฟังไปฟังมา
ท่อนฮุคก็ติดหูดี แถมไปคล้ายกันกับทำนองของเพลงมิสไซล์

7.ขี้เมา
 เพลงนี้ไลน์เบสสนุกสนานมาก เพลงอย่างกะเปิดในสวนสนุก
จังหวะทุกอย่างตรงตามชื่อเพลงจริงๆ ขร้เมา เนื้อร้องก้สนุกปากทีเดียว
เล่นสดเพลงนี้น่าจะเป็นเพลงฮิตอีกเพลง

8.หรรษาราตรี 
อินโทรขึ้นมาผมนึกถึงกลิ่นอายเพลงนักมายากลนิดๆ
ความยุ่งเยิงของเพลงก็มีความคล้ายๆกัน สำเนียงกีต้าร์ที่เล่นวนไปวนมา
เนื้อเพลงที่ร้องเอามันส์ เพลงนี้ก็เคยปล่อยมาแล้วอีกเช่นกัน

9.ดาวเสาร์ 
ผมชอบซาวด์แบบนี้นะ อุดสายๆ ทำให้เพลงมันหนึบๆดี
แต่ไม่ค่อยชอบท่อนก่อนขึ้นฮุคเลย 5555 มันแปลกๆไปนิด
เนื้อหาดนตรี ติดหูไอท่อนที่บอก อยากไปดาวเสาร์ แต่ผมก็พยายามหาสาระ
จากเนื้อหาเพลงอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังไม่ค่อยเจอ 555

10.ลาออก
เพลงนี้คิดว่าผมน่าจะชอบมากๆเหมือนกัน กับเนื้อหาเพลง
ที่แบบว่าปลดปล่อยชีวิตพันธนาการทั้งหลายของคุณออกไป 
กับดนตรีสไตล์กลิ่นอายพังค์ร็อคสนุกๆ

11.บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
เพลงนี้ทำผมนึกถึงเพลงเพื่อชีวิต อาจจะเพราะ
สไตล์ดนตรี ผสมกับเนื้อหา ที่พูดถึงการเดินทาง 
ใช้ออแกนมาช่วยเล็กน้อยผมว่ามันเพื่อชีวิตเลยแหละ

12.มาโซคิสม์  ( หยดเทียนแห่งความปรารถนา )
เพลงนี้เปิดตัวด้วยซาวด์กีต้าร์เท่ๆ อารมณ์ muse อีกแล้ว 555
เนื้อหาเพลงพูดถึงสิ่งเลวร้ายบนโลกที่เปลี่ยนแปลงคน
ให้เลวร้ายตามมันไปจะว่าไปเพลงนี้ก็เป็นอีกเพลง
ที่ลายกีต้าร์ เบส เท่ไม่เบา ร็อคหนักๆเทียบ
พวกร็อคสมัยก่อนได้เลย

13.ปีก 
เพลงนี้เนื้อหาลอยๆ เป็นเพลงร็อคช้าๆ เนื้อหาเศร้าๆ
เพลงนี้ก็เป็นอีกเพลงที่ดีย์เหมือนกัน ฟังง่าย ดนตรีสบายๆ
ทำนองง่ายๆ ร้องตามกันได้ไวแน่นอน เพลงนี้มีกลิ่นอาย
คล้ายเพลงฤดูฝนเหมือนกันนิดๆ

14.ปรสิต
 เพลงนี้เท่โคตรสำหรับผม เพราะว่ามันมีความเป็นฟิวนอกมาก
ท่อนหลบเสียงมีความ Bodyslam นิดๆเช่นกัน 555 
แต่สำเนียงกีต้าร์ต่างกันสิ้นเชิงเล่นลูกเล่นเท่ๆเยอะดี

15.The game
ยังคงกลิ่นอายของ Paradox ผมฟังมาทั้งหมด
ผมไม่รู้สึกว่าเขาสูญเสียตัวตนเลยแม้แต่นิด ถึงมันจะมี
ความคล้ายนู้นคล้ายนี้นิดๆหน่อย แต่ก็ยังคงความเป็นตัวตนอยู่
เพลงนี้ก็เช่นกัน เนื้อเพลงยิ่งชัดเจนไปอีกเพราะคงไม่มีวงไทย
ตลาดวงไหนทำเนื้อเพลงแบบนี้แล้วขายได้ 555

16.จดหมายจากวันวาน
เพลงช้าๆเบาๆ กีต้าร์ตีคอร์ดสบายๆ 
เนื้อหาเพลงพูดถึงการลาจาก เพลงนี้ผมนึกถึงพวก
ปลายสายรุ้ง คนบนฟ้า อารมณ์จะประมาณนั้นคล้ายๆกัน

17.พรุ่งนี้
 เพลงนี้ให้อารมณ์ของการมีความหวัง ฟังง่ายๆเรียบๆเหมือนเดิม
แต่ถามว่ามีอะไรพีคไหม สำหรับผมเพลงนี้ก็อยู่ในโหมดเฉยๆ 
เป็นเพลงตลาดที่พบได้ทั่วๆไป

18.ลอง
 เปิดตัวมาอับการอุดสายแบบมันส์ๆ
เพลงนี้นึกถึงเพลง suckseed 
เป็นเพลงที่ปลุกเร้าพลังในตัวของวัยรุ่น

19.กินเนื้อนางเงือก
เพลงนี้เหมือนเขาปลดปล่อยอะ 5555 
เนื้อหาเพลงผมยังตีความไม่ออกเลย
แต่เพลงมันส์ดีเล่นกันแบบโดดสุดๆ

20. เพดาน
เพลงปิดที่มากับอารมณ์ลอยๆ เนื้อหาที่พูดถึงการทำใจ 
เสียงร้องที่ใส่รีเวิร์บเยอะๆหน่อย มีความ 1975 นิดๆ 
เหมาะสมกับเป็นเพลงปิดเพราะเพลงนี้ล่อไปเกือบ 5 นาที 
ฟังกันลอยๆ เพลินๆไปเลย

แผ่นที่ 3 Midnightmare

_________________________________________________

แผ่นนี้เพลงทั้งหมดจะเป็นการหยิบมาทำใหม่
แต่ไม่ได้ทำใหม่แบบคนทั่วๆไปเขาทำกัน
ครั้งแรกผมเห็นคงคิดว่าน่าเบื่อ
แต่ไม่ใช่เลย แผ่นนี้กับเป็นแผ่นที่ทำให้ผม
หัวเราะก๊ากไปหลายเพลง แบบว่า
แม่งคิดกันได้ไงวะ ไม่คิดว่าจะทำจริงๆ
_________________________________________________

1.ดาว // djmanits&dj max vs ยิปโซ
ไอห่านึกว่าซาวด์กล่อมเด็กของแม่นาค 55555
คือช่วงแรกๆที่ผมฟังยังไม่ค่อยรู้สึกอะไร
 พอดนตรีค่อยๆบิ้ว อารมณ์เริ่มมา แต่สิ่งที่
ทำให้มามากที่สุดคือเสียงร้องของยิปโซ 
เป็นเพลงเปิดแผ่นที่เหมาะกับชื่อแผ่นจริงๆ Midnightmare

2.กรงทอง // djmanits&dj max vs มะปราง jofax 
ยังคงเข้ากับบรรยากาศเหมือนเดิม คราวนี้มากับ มะปราง jofax 
แต่เพลงนี้ไม่ได้ให้อารมณ์หลอนแบบเพลงกล่อมเด็กของแม่นาค 
แต่เป็นความหลอนในรูปแบบของความลึกลับที่ดูน่าค้นหา 
ถึงแม้มันจะรู้สึกอันตรายก็เถอะ มาพร้อมกับท่อนบ่นๆ อะไรซักอย่าง 
พอท่อนหลังให้อารมณ์ของความ Sci - fi เฉย

3.ปลายสายรุ้ง // djmaxmanits vs เฟรม The Star
ให้ความรู้สึกของความแพงในน้ำเสียง กับเพลงปลายสายรุ้ง
เวอร์ชั่นที่เรียกว่า บรรเลง กันแบบเบาๆ เหมาะสำหรับ
ใช้ในงานเลี้ยง งานเต้นรำได้เลยแต่ผมมีความรู้สึกขัดๆนิดหน่อย
กับทำนองแบบนี้ แต่น้ำเสียงที่ให้ความเป็นเจนนิเฟอร์ คิม
แต่ท่อนหลังมีการหักมุมนิดหน่อย ทำผมก๊ากไปนิดนึงด้วยซ่ำ 
ด้วยการใส่สแคชแผ่นเข้ามา กับดนตรีและเสียงแบบ 
Noise แตกเยอะๆ บางคนอาจจะไม่ชอบเลยก็ได้ 5555

4.ฤดูร้อน    vs tue'sday's mix
เพลงนี้เปิดมาด้วยความ sexy ของดนตรี ผมจิตนาการ
ภาพของสาวจิบวายในงานกลางคืน ถ้าใครเคยดูเรื่อง Drive 
ดนตรีจะอารมณ์แบบเพลงนี้เลย พวกแนว electronic Synthpop 
นิดๆ ตบท้ายด้วยการเฟดเพลงด้วยการ dubstep

5.คนบนฟ้า // dj max vs มุก สุชานันท์
เชี่ย ตอนดนตรีขึ้นผมก๊ากเลย 5555 ความ 80's ของ Polycat มาเฉย
เพลงนี้กับ มุก สุชานันท์ ที่ผมว่าเสียงเธอเข้าพอดิบพอดี
กับความ 80's ใครชื่นชอบดนตรีสไตล์ 80's Synthpop นิดๆ น่าจะชื่นชอบกัน

6.นักมายากล   vs max supergrasses ska ensemble / มะปรางjofax /2DOX
เพลงนี้มาอารมณ์แบบ Gta san andreas ติดกลิ่นอายความฮิปฮอบ
ความรถโยก ความคนผิดสี ความ CJ 5555555 เชี้ยพิมพ์ไปฮาไป 
โดยเฉพาะท่อนที่เหมือนเอาโทรโข่งมาร้องสาวกชาวแร๊พ
น่าจะชื่นชอบกัน

7.ทัชมาฮาล //  dj max vs แฟนพันธ์แท้ Paradox
ตามชื่อเพลงเลยครับ ดนตรีมาแบบชาวอาหรับ คืออาหรับจริงๆ
ไม่ใช่แบบดนตรีประยุกต์แต่มันเป็นอาหรับแบบซาวด์แทร็คหนัง
สไตล์อินเดีย นึกว่าอยู่ทะเลทรายกำลังขี่อูฐ พลางยกมือบังแสงอาทิตย์
แถมการร้องมีเล่นสำเนียง แบบชาวบังที่มาขายถั่วกันเลยทีเดียว

8.UNKNOW  vs 2DOX& bomb GNS
ดนตรีมีความอัลเทอร์เล็กน้อย แต่เสียงร้องนี้อัลไล 5555 คือเพลงนี้
ผมแทบจะฟังเสียงร้องไม่ออก เหมือนคนที่กำลังเมา แล้วมาร้องเพลง 
อยากจะร้องไรก็ร้องไปไม่ต้องสนสาระอะไรทั้งสิ้น 5555

9.ไม่มีเธอ vs djmanit n' dj max
555555555555 ขอหัวเราะก่อนเลย เพราะเพลงนี้ขึ้นมา ภาพเด็กวัยรุ่นสาว
ที่กำลังเต้นลง Faccbook เลยมาเลย เพราะนี้มันเพลงแด๊น 3 ช่าชัดๆ 
เชื่อเลยว่าเพลงนี้ต้องมีคนเอามาเต้นลง Facebook กันอย่างแน่นอน

10.พรุ่งนี้ unplugged
เพลงนี้คิดว่าน่าจะมีความเป็นคนที่สุดเพราะเพลงนี้เป็น
อคูสติกกีต้าร์ล้วนๆปั่นคอร์ดตัวนึงอีกตัวเก็บเมโลดี้ 
การร้องมีเสียงร้องประสานแบบคนปกติเขาทำกันเอาเป็นว่า
เพลงนี้ฟังเพลินหยุดความหลุดโลกไว้ที่เพลงนี้ได้เลย

10.หลุมศพแมลงวัน  vs djkingzayla
เพลงนี้ใช้ทำนองเดียวกับเพลงของหลุมศพปลาวาฬ 
แต่แม่งหลุดไปกว่านั้นในเรื่องของเนื้อร้อง 
มีการหยิบสัตว์หลากหลายชนิดมาพูดถึง และพูดถึง
เรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้และไม่สามารถอธิบาย
ความเป็นไปของเพลงนี้ได้เลย 5555

12.ไอศกรีม  ( Rock Version )
ก็ตามชื่อเลยครับ เอาเพลงมาทำเวอร์ชั่นเสียงแตก
ถ้านึกไม่ออก นึกถึงเพลง มีแต่เธอ ที่วง paradox 
จะชอบเล่นในคอนเสิร์ต อารมณ์ประมาณนั้นเลยครับ 

13.สิงห์รถบรรทุก 
เพลงนี้มาอารมณ์แบบ Hardrock นิดๆ ให้อารมณ์ของ
ดนตรีชาวเมกันผู้ดีแบบ ฮิวโก้ ยังดีที่เพลงนี้มีความธรรมดา
ยังไม่หลุดโลกเท่าช่วงแรกๆของแผ่น 3 ฟังแล้วสนุก รู้เรื่อง

14 ห้องนี้ 
เพลงปิดนี้แม้งหลอนจริงๆ ดนตรีมาแบบอคูสติกชวนขนหัวลุก
กับเนื้อร้องหลอนๆ ฉันแขวนคอตายอยู่ตรงนี้ แล้วเล่าถึงความหลอน
ว่าฉันกำลังมองเธออยู่ถือว่าเป็นเพลงปิดแผ่น 3 ที่เข้ากับ Midnightmare มากๆ



สรุปเลยละกันครับ กับราคา 599 ผมมองว่ายังไงก็คุ้ม
มี 3 แผ่น Boxset สวยงาม ถึงดนตรีจะหยิบเอาเพลงเก่า
มาใส่ด้วยก็เถอะ แต่เพลงใหม่ๆที่ยัดเข้ามา
ยอมรับเลยว่าคุณภาพจริงๆ ยงคงความเป็น Paradox
ทั้งเนื้อหา ทั้งดนตรี ทั้งความกล้าบ้ากล้าเล่น

Wednesday, October 5, 2016

Paradox: Before Sunrise/After Sunset | แกะกล่องรีวิว




Paradox: Before Sunrise/After Sunset | แกะกล่องรีวิว


อัลบัมชุดที่ 6.2 ของทีมงาน Paradox กลับมากับเพลงประหลาดๆ แหวกๆ 
ทีฟังแล้วต้องพูดออกมาว่า  "แบบนี้ก็ได้เหรอ" เพราะเนื้อหาของเพลงนั้น
พาปั่นสมองสุดๆ แต่เต็มไปด้วยข้อคิดของสิ่งที่มันไม่อาจจะเอามา
เปรียบเทียบกันได้ แต่ก็เปรียบกันได้ 

หลังจากที่ทางวงเปิดให้ Pre-Order ด้วยการโม้ว่ามีเพลงที่ทำ
ทั้งหมด 52 เพลง ผมก็เริ่มสนใจจึงกดสั่งเลย ตอนแรกเห็นว่าจะจัดส่ง
ให้ประมาณวันที่ 7 ซึ่งเป็นวันที่จะมีคอนเสิร์ตเปิดอัลบัมที่
ตึก GMM แต่วันนี้ วันที่ 5 ผมได้รับของเรียบร้อยแล้วมาดูกันเลย


 

เปิดมาด้วยการห่อแผ่นพลาสติกใส ( ก่อนหน้านี้ก็มีเป็นกล่องบรรจุ
ใส่บับเบิ้ลธรรมดาทั่วไปนั้นแหละ ) ตรงตัวซองจะมีข้อความ
สกรีนคำว่า Paradox ไว้ด้วย พอแกะซองออกมาก็จะพบกับ
แผ่นใสฟิลเตอร์สะท้อนแสงอีกตัวนึง ถอดออกได้


 

ต่อไปเป็นตัวปกหน้า ( ที่ถอดเอาฟิลเตอร์สีแดงออกแล้ว )
จะมีข้อความที่แสดงชื่ออัลบัม Before Sunrise/After Sunset
หน้าปกเป็นรูปหญิงสาวในชุดขาวปากแดงห้อยโหนอย่างเพลินเพลิด

ปกหลัง เป็นรูปศิลปินหลักทั้ง 4 คน อยู่กันคนละมุม
พร้อมทั้งมีชื่อของเพลงที่อยู่ในแต่ละแผ่น
แยกไว้คนละมุมคนละด้าน ต้องพลิกกันอ่านเลยทีเดียว



พอเปิดออกมาก็จะพบกับของเยอะแยะ ทั้งโปสเตอร์
Photobook การ์ดพลัง และแผ่นซีดีทั้งหมด 4 แผ่น
แต่แผ่นจริงมีแค่ 3 แผ่นส่วนอีกแผ่นเป็นแค่กระดาษหลอก 555
แต่เห็นเขาเคยบอกว่าเอาไว้ใส่แผ่นอัลบัมหน้า
ที่จะเป็นอัลบัมอคูสติก หรือไม่ก็อาจจะเป็นบัตร
ไว้เข้างานเปิดตัวอัลบัมวันที่ 7 นี้ 
เพราะมีข้อความบอกวันที่และเวลางาน


มาดูกันที่ตัวโปสเตอร์กันก่อนเลยเป็นขนาด 30 x 20 นิ้ว 
ใหญ่กว่า A3 นิดหน่อย เสียดายที่เขาพับมา
มันเลยมีรอยพับแบบนี้ น่าจะม้วนๆใส่กล่องมา


ต่อไปเป็น Photobook 12 x 12 นิ้ว 16 หน้า
ข้างในก็จะเป็นพวก เนื้อเพลง ข้อมูลคนทำงานนี้
การขอขอบคุณต่างๆ ข้อความจากสมาชิกวง
ผมเอามาให้ดูคร่าวๆกันิดนึง




สุดท้ายสิ่งที่แถมมาด้วยเห็นว่าเขาจะแรนดอมแจก
นั้นก็คือการ์ดพลังจะได้มา 1 ใบ ต่อ 1 ชุด
และคนที่ผมได้นั้นก็คือพี่ต้านั้นเอง


เอาละไว้แค่นี้ก่อน ครั้งหน้าผมจะมารีวิวในเรื่องของ
ตัวเพลงกันบ้างใน 3 แผ่นนั้นมีอะไรบ้าง
52 นั้นจริงๆแล้ว 52 เพลงจริงหรือไม่

สุดท้ายฝากเพจไว้ด้วยครับ
https://www.facebook.com/MemorialXHEART



Thursday, September 22, 2016

A Hard Day | Review



A Hard Day
ถ้าพูดถึงหนังเกาหลีเราคงไปนึกถึงหนังรักแทน แต่ภาพยนตร์ทริลเลอร์สัญชาติเกาหลีเรื่องนี้สุดตีนจริงๆครับ ผมจะพยายามไม่บอกอะไรเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้มากนัก เพราะหนังสไตล์ทริลเลอร์เรารู้น้อยเท่าไรหนังก็จะสนุกมากขึ้นเท่านั้น เหมือนเดิมครับผมจะมาแยกข้อดีกับข้อเสียให้ท่านๆได้อ่านกันแบบง่ายๆ

ข้อดี
- เนื้อเรื่องเหมาะสมกับคำว่า ทริลเลอร์ที่แท้จริง
- พอจุดไฟติดก็มันส์กันแบบ Non-stop 
- ฉากไล่ล่าเรื่องนี้ทำได้หน้าตื่นตาตื่นใจ
- ให้อารมณ์เหมือน 13 เกมสยองนิดๆเพราะตัวเอกเรามีอุปสรรคต้องแก้เยอะมาก
- ฉากช่วงส่งของนั้นทำได้ระทึกมากๆ ลุ้นตลอด
- หนังพยายามดึงเราให้เข้าถึงตัวหลักทำให้เรารู้สึกอยากเชียร์มัน
- ตัวหนังไม่ยืดยาดเหมาะสำหรับคนที่เริ่มจะหัดดูแนวสืบสวน

ข้อเสีย
- น่าเสียดายที่ตัวหนังไม่เฉลยปมช่วงแรกๆทั้งหมด
- ความเกินจริงเล็กน้อยที่พยายามแถ
- มีแค่นี้แหละครับไม่รู้จะติอะไรแล้ว

โดยรวมแล้วนี้มันเป็นทริลเลอร์ที่สนุกจริงๆ ให้ความรู้สึกระทึก น่าติดตาม ดูแล้วลุ้นตลอด การกระทำของตัวเอกนั้นแบบว่ามันพยายามสู้ชีวิตมาก ใครที่อยากดูหนังทิลเลอร์ที่ไม่เครียดมาก สนุกๆ ไม่ยืดยาดหนังเกาหลีเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ผมอยากจะแนะนำเลยทีเดียว

Tuesday, September 20, 2016

Drive | มากกว่าหนังแต่มันคืองานศิลป์ของคนเหงา


วันนี้ผมหยิบหนังเก่ามาดูอีกรอบกับเรื่อง Drive ว่าด้วยเรื่องราวของพระเอกเราที่มีอาชีพเป็น "นักขับ" วันนี้ผมไม่ได้จะมาวิจารณ์เหมือนที่ผ่านๆมาแต่จะมาพูดถึงความรู้สึกของผมมากกว่า

Drive เป็นภาพยนตร์ที่มีเนื้อเรื่องเรียบๆง่ายๆเรียกได้ว่าธรรมดาเลยก็ได้ แต่สิ่งที่ Drive ทำให้ผมประทับใจมากๆเลยคือการใช้ความเป็นงานศิลป์ ตามภาพยนตร์ทั่วๆไปมันจะมีความเป็นหนังตลาด แต่กับ Drive ผมดูแล้วมันให้ความรู้สึกของความเป็นการเล่าเรื่องด้วย "ภาพเคลื่อนไหว" บทพูดของหนังเรื่องนี้แทบจะไม่มีเลย แต่ไปเน้นหนักทางด้านงานภาพและงานเพลง

พูดถึงงานภาพก่อนเลย มันเป็นอะไรที่สวยเพลินตามากๆ ยอมใจคนถ่าย การจัดแสงที่ตกกระทบบนหน้าพระเอก เส้นผม จะเห็นได้ว่าเขาจะชอบแช่กล้องค้างไว้นานๆผสมกับการแสดงของตัวเอกเรามันให้อารมณ์ของความเป็น ฟิล์มนัวร์ เหมือนกัน มีความหม่นปนเหงา

งานเพลงหรือซาวด์แทร็คอันนี้เรียกได้ว่าจัดมาได้เข้ากับหนังและจังหวะมากๆ การใช้ซินธิไซเซอร์เข้ามามีบทบาทเป็นหลักกับดนตรีที่ง่ายๆเรียบๆ ไม่ต้องมีอะไรมากมาย บางอารมณ์ผมนึกไปถึงสมัยผมเล่นเกม GTA VICE CITY ( รวมทั้งอิทธิพลของการเลือกใช้ฟ้อนที่มีความคล้ายอีกเช่นกัน ) โดยเฉพาะซาวด์สุดท้ายในตอนจบความหมาย ดนตรี องค์ประกอบต่างๆ ผสมกับงานภาพ จัดได้ว่ามันเป็นอะไรที่ลงตัวเอามากๆๆๆๆๆ

โดยรวมแล้ว Drive ฉากหน้าที่เราเห็นอาจจะเป็นหนังแอคชั่นทั่วๆไป แต่มองอีกแง่นี้มันหนังคนเหงาชัดๆ เพราะทุกองค์ประกอบงานศิลป์ของหนังมันส่งและปูทางให้อารมณ์ของความเดียวดาย


Wednesday, September 14, 2016

PARADOX - ฤดูฝน | Review



ล่าสุดกับ Single ใหม่ของวงเก่า Paradox ที่มาพร้อมกับชื่อเพลงฤดูฝน เพราะมีฤดูร้อนไปแล้ว อัลบัมหน้าคงมีฤดูหนาว เพลงนี้อยู่ในอัลบัม Before Sunrise After Sunset เห็นว่าใน Boxset มีด้วยกัน 52 เพลง ( คงรวมเพลงเก่าๆมาด้วยแหละ แต่ช่างมันเถอะผมพรีไปละ ) เพลงนี้ปล่อยมาด้วยกัน 2 เวอร์ชั่นด้านเพลงทั้ง 2 เวอร์ชั่นเหมือนกันแต่ที่ไม่เหมือนคือ MV และชื่อเพลง ฤดูฝน ( ของเขา ) และ ฤดูฝน ( ของเธอ )



มาพูดกันถึงเรื่องเพลงกัน เพลงนี้มาด้วยอารมณ์เพลงร็อคช้าๆ ที่มีกลิ่นอายของ Paradox เหมือนเดิม
คือฟังแล้วรู้เลยว่าวงนี้เล่นนะ บอกตรงๆครั้งแรกผมไปแอบฟังเวอร์ชั่น Demo มา ที่มีแต่เสียงร้อง ดนตรียังไม่ได้ใส่อะไรให้ดี ตอนนั้นฟังแล้วเฉยๆมากเลย ออกไปทางไม่เพราะด้วยซ้ำ แต่พอเพลงเต็มปล่อยออกมา มันดีขึ้นแบบก้าวกระโดดมากๆ ด้วยการเรียบเรียงดนตรีต่างๆทำให้เพลงมีมิติมากขึ้น ถ้าฟังไปฟังมาจะพอเดาทางคอร์ดได้ว่ามันคล้ายๆกับหลายเพลงของ Paradox 

สั้นๆง่ายๆครับ ไม่ผิดหวังกับเพลงใหม่ของวงในตำนานอย่าง Paradox ทำดนตรีมาฟังง่ายเข้าถึงทุกคนไม่ต้องตีความหมายอะไรซับซ้อนเป็นการพร่ำเพ้อของคนๆนึงเท่านั้นเอง เพลงดี MV ดีแต่ Tie-in น่าเกียจไปหน่อย 

Thursday, September 1, 2016

SOMKIAT / _SARA | Review [ Music ]


วันนี้จะมาลองเขียนรีวิวเพลงกันบ้างครับ อาจจะไม่ได้เขียนเก่งอะไรนัก แต่ขอเขียนออกมาจากความรู้สึกของผมเองจากการเล่นดนตรีมาเกือบ 10 ปีละ ( แต่ไม่เก่งซักที 5555 ) 

มาเริ่มกันด้วยวง SOMKIAT ( สมเกียรติ ) กับอัลบัม _SARA

บอกตามตรงผมรู้จักวงเขาจากการประกวดดนตรีของ Coke เมื่อนานมาแล้ว
แต่ผมก็มองแค่ผ่านๆ ไม่ได้สนใจอะไรมาก ไปสนใจวงเต่าคะนองมากกว่า
สุดท้ายวงเต่าคะนองหายเงียบไปเลย 

ด้วยความที่มีชื่อวงว่าสมเกียรติมันกลับกลายเป็นตัวที่ทำให้ผมมองข้าม
ด้วยความที่ชื่อวงมันไม่เท่อะ มันอาจจะแนวจริง แต่ไม่ค่อยเท่ 555
ทำให้ผมพลาดอะไรดีๆไปหลายอย่าง ผมกลับมาเจอสมเกียรติอีกครั้ง
กับเพลง "ช่างมัน" เพราะมีคนแชร์มาใน Facebook ผมจึงลองเข้าไปฟังดู
กลายเป็นว่า เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่จุดประกายให้ผมเริ่มสนใจ
เนื่องจากภาพลักษณ์ของวงที่ดูเป็นกันเอง มีความเป็นครอบครัว
กับแนวดนตรีที่ในไทยไม่ค่อยจะมีวงไหนเล่น ตัวโน๊ตที่มันดูพุ่งๆ

หลังจากนั้นผมก็เริ่มตามฟังไปเรื่อยๆทีละเพลงๆ สรุปว่า
เป็นอีกวงที่น่าติดตามด้วยแนวดนตรีที่มีความติดกลิ่น Two door นิดๆ

SOMKIAT / _SARA


1.INTRO / อินโทร
มาเริ่มกันด้วย Track แรกกับอินโทรของวงที่เริ่มมาด้วยดนตรีเนิบๆ แต่ฟังแล้วมีมิติมาก
จนพอถึงท่อนสุดท้ายที่ค่อยๆบิ้วดนตรีให้ลอย มันทำให้นี้แหละดนตรีที่ผ่อนคลายจริงๆ

2.ช่างมัน | WHATEVER
อย่างที่บอกครับ เพลงนี้เป็นเพลงที่ทำให้ผมเริ่มมาฟังสมเกียรติ ด้วยความที่ MV ทำออกมาได้น่ารักดูแล้วอบอุ่นมีความเป็นเพื่อนพ้อง ความขี้เล่น สนุก เฮฮา ทำให้มันน่าสนใจ มาโฟกัสกันที่เพลงบ้าง เพลงนี้ให้อารมณ์ที่สนุกตาม MV จุดเด่นที่ผมชอบคือเสียงกีต้าร์ตอนต้น ที่ดีดแล้วหยุด ด้วยการที่ใช้คอร์ดที่เสียงมันแปลกๆ พอมาท่อนฮุคมีการใช้ Lick ตัวโน๊ตที่มันฟังแล้วดูโดดๆดี ส่วนที่ผมไม่ชอบนิดหน่อยก็จะเป็นตรงที่ท่อนก่อนตัดเข้า Solo ของ Guitar มันดูอิเล็กโทรจ๋าไปหน่อยนึง 

3.นิสัย | SELF
ตอนแรกบอกตรงๆมองข้ามเพลงนี้ครับ เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พอได้ฟังอินโทรขึ้นมาก็แจ๋วเลย คือจะพูดว่ายังไง ในไทยมันไม่ค่อยมีใครทำดนตรีแนวๆนี้อะครับ พอมีคนมาทำแล้วพอมันดังก็เลยน่าสนใจพอมาท่อนกลางๆเพลง จะมีท่อนที่ผมไม่รู้จะเรียกว่าไง แต่มันเหมือนเป็นการผ่อนทุกอย่างแล้วกีต้าร์ขึ้นมาไล่ตัวโน๊ตไปเรื่อยๆ ตรงนี้ก็ชอบมากครับ ด้านเนื้อเพลงก็แปลกดีไม่ได้พูดถึงเพลงรักเหมือนวงอื่นๆทั่วไป โดยรวมแล้วมันเป็นเพลงที่อุปกรณ์ดนตรีทุกตัวได้โชว์หล่อกันเต็มที่

4.แล้วแต่ | PRANK
เป็นอีกเพลงที่ฟังตอนแรกๆแล้วรู้สึกแปลกๆ โดยฉะเพราะท่อนที่กีต้าร์ ตื๊อตือตื่อตื๊ดตื้อ มันมีกลิ่นอายขอเพลงเก่าๆสมัยพวกยุค 80 - 90 และเหมือนเดิมการเล่นตัวโน๊ตของกีต้าร์อีกตัวที่ฟังแล้วมันจะมีความดีดๆ ผมไม่รู้จะพูดว่ายังไง 5555 คือเป็นการอุดสายไว้แล้วดีดตัวโน๊ตชัดๆทีละตัว ข้อดีอีกข้อคือเพลงนี้เสียงร้องไม่สูงมากฟังกันเพลินๆ ร้องตามได้ไม่ยากเท่าไร

5.ขอวอน 1 | TOGETHER i
เป็นการตั้งชื่อเพลงที่เก๋ดี มีขอวอน 1 และมีอีกเพลงที่เป็นขอวอน 2 เหมือนเดิมครับภาคดนตรีของวงเขายิ่งแจ่มชัดขึ้นมากจากเพลงนี้ คือฟังแล้วรู้เลยว่านี้แหละวงสมเกียรติ สไตล์การเล่นที่มีเอกลักษณ์การใช้ตัวโน๊ตที่เด่นๆ ผสมผสานกับเนื้อร้องทำนองที่มีความสนุกสนานเป็นเพลงเหงาที่ไม่เศร้า

6.เจอกัน | UNKNOWN
เพลงนี้ทำผมทึ้งกับการถ่าย Lyrics โดยผมไปสอบถามสรุปมาได้ว่าถ่ายกัน 7 วัน 7 คืน ต่อเนื่อง แม่เจ้าโหดจริงๆ ภาคดนตรีเพลงนี้จะแตกต่างจากเพลงอื่นนิดหน่อยตรงที่อารมณ์ของเพลงช่วงต้นเพลง กับท้ายเพลง กับมีความต่างกันมาก คอนทราสกันจนนึกว่าคนละเพลง แต่ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ มันก็เป็นอีกสีสันที่น่าจนจัด ภาคดนตรีช่วงต้นมีความรู้สึกถึงความอิเล็กโทรนิคมาเต็ม พอช่วงหลังดนตรีค่อยๆเนิบลง กลายเป็นเหมือนเราฟังแค่ Instrumental แทน แต่ก็เบาสมองนะครับผ่อนคลายดีในช่วงหลัง

7.ทนไว้ | SWEETLESS
มาต่อกับเพลงช้าที่เรียกได้ว่าฮิตมากๆ แต่เหมือนเดิมผมมองข้ามไปอีกแล้วเพลงนี้ เพราะตอนช่วงแรกๆที่ฟัง ฟังแล้วมันไม่ค่อยมีจุดน่าสนใจที่ทำให้เราอยากฟังต่อ ด้วยความที่ดนตรีเพลงนี้มันอาจจะเดิมๆไปหน่อย แถมเป็นเพลงรัก แต่พอผมได้ไปดูเขาเล่นสด เพลงนี้กับมีพลังมาก เช่น ท่อน โว๊ะ โอ๊ะ โอ โอ๊ะ โอ้ ด้วยความที่มีดีเลย์ติดมากับเสียง แล้วตัดเข้าฮุคเนิบๆเจ็บๆ เหมาะสำหรับคนฟังเพลงทั่วๆไป สามารถฟังกันได้มีความตลาดขึ้นมามากสำหรับเพลงนี้ น่าจะเป็นเพลงโปรโมทรึเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ

8.ใกล้ตัว | BEHALF
เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมฟังวนไปวนมาบ่อยมาก เนื่องจากตัวเพลงฟังง่ายสบายๆกว่าทุกเพลง ดนตรีมีความละมุนแบบบอกไม่ถูก แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ตัวโน๊ตที่ดีดๆ ( อีกแล้ว ) อย่างที่ผมบอกไว้ในหลายๆเพลงก่อย เนื้อเพลงเพลงนี้ให้ความรู้สึกที่อบอุ่น ภาคดนตรีใช้คีย์ที่มันฟังแล้วไม่หดหู่ มีความลั้นลา

9.ขอวอน 2 | TOGETHER II
ผมชื่นชมในเพลงนี้นะ ด้วยการที่ใช้เนื้อเพลงบางท่อนคล้ายกับเพลง ขอวอน 1 ทำให้มันดูน่าสนใจเหมือนเพลงมันเชื่อมต่อกัน ภาคดนตรีติดความ 80 - 90 อีกแล้ว ตัวโน๊ตท่อนอินโทรที่เพลงเปิดนั้นแหละตัวเรียกความสนใจผมเลย เนื้อเพลงอาจจะเป็นเพลงรักแบบทั่วๆไป แต่อย่างที่ผมบอก ผมชื่นชอบดนตรีของเขามาก กีต้าร์ 2 คน ที่ไม่เล่นทับกัน เบส ที่มีลายชัดเจนไม่ใช่เป็นแค่คนเบื้องหลัง

10.บ้ากัน | RELIEF
เพลงนี้เปิดมาด้วยลายกีต้าร์เท่ๆ ทำให้ผมไปนึกถึงพวกวงสไตล์ Hardrock เฉย แต่พอไปเรื่อยๆ โอเคมันก็กลับมาในลูปเดิมของสมเกียรติ แต่เพลงนี้สำหรับผมไม่ได้น่าสนใจมากซักเท่าไร เนื้อจากท่วงทำนองที่มันไม่ค่อยเพราะ ( สำหรับผม ) จุดเด่นของเพลงนี้คงเป็นท่อนริฟกีต้าร์ที่ติดหูดี

11.โคตรดี | BFF
ผมอาจจะฟัง Two door มากไปก็ได้ แต่เพลงนี้เปิดมาอย่างกะวง Two door กีต้าร์สไตล์นี้มันใช่เลย แต่พอจบกีต้าร์ท่อนอินโทรลง โอเคกลับมาเป็นสมเกียรติ กับเนื้อเพลงที่อบอุ่นอีกแล้ว ไม่ใช่ไปเน้นในเพลงรักตลอดเวลา โดยรวมเพลงนี้สำหรับผมก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจมากเท่าไรครับ

12.คิดถึง | REGARDS
มาปิดกันด้วยเพลงช้าๆ เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่ฟังได้เรื่อยๆ พอๆกันเพลง ใกล้ตัว แต่แค่กลับกันเป็นเพลงช้าอารมณ์เศร้าๆ คอรัสร้องประสานเพลงนี้ชัดเจนดีครับ เหมาะสำหรับเพลงนี้เลย ลายกีต้าร์ที่ค่อยๆบรรเลง ผสมผสานการเกากีต้าร์เบาๆ กับ Lyrics ที่ตัดมาได้ลงตัวกับเพลงมากๆ

สรุปแล้ววง SOMKIAT กับอัลบัม _SARA ค่าย Smallroom ( อย่าบอกใครนะว่าผมฝึกงานอยู่ที่นี้ ) ผมถือว่าทำออกมาได้ดีมากๆเลยทีเดียว แต่ละเพลงของเขามีจุดเด่นมากๆ ซาวด์กีต้าร์ การเล่นที่ชัดเจน การใช้เครื่องดนตรีทุกชนิดที่มีแบบไม่มีใครตกเป็นคนเบื้องหลังทุกคนเด่นหมด ข้อเสียอาจจะมีความคล้ายวงต่างประเทศบ้างนิดนึง แต่โอเคมันก็แปลกดีนะครับ แค่แนวคล้ายกันเฉยๆ ไม่ได้แปลว่าไม่ดี เป็นภาคดนตรีอินดี้แบบใหม่ขึ้นมาได้น่าสนใจมาก และอีกอย่างบางเพลงอาจจะต้องพัฒนาเรื่องของทำนองในเนื้อร้องอีกนิด แถมนิดนึงกับการแสดงสด ผมชอบมากอีกเช่นกัน โดยเฉพาะมือกีต้าร์คนที่ร้องคอรัสให้ด้วย ทุกคนในวงมีเอกลักษณ์ดีน่าจดจำทุกคน  คุ้มค่ากับวงนี้คงไปได้อีกไกล


Tuesday, August 30, 2016

Train To Busan | Review


เราอยู่ในยุคที่คำว่า "ซอมบี้" กลายเป็นคำธรรมดาๆคำนึง ไม่ว่าจะในหนังหรือเกม การ์ตูน ล้วนแล้วแต่เล่นกันจนช้ำมาหมดแล้ว วันนี้เราจะมาดูกันว่าในยุคนี้ Train To Busan จะสามารถสร้างความแตกต่างกันได้ไหม



สวัสดีครับวันนี้ผมจะมารีวิวหนังเกาหลีเรื่อง Train To Busan ที่กำลังเป็นกระแสมาแรงมากๆ แต่วันที่ผมเขียนรีวิวนี้หนังก็ฉากไปเกือบ 3 อาทิตย์แล้วมั้ง หลายๆท่านคงดูกันมาหมดแล้ว ผมก็จะมารีวีวในรูปแบบของผมเช่นเคย นั้นคือบอกข้อดี และ ข้อเสีย แยกกันเป็นข้อๆไป งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะครับ


ข้อดี
- หลักๆคงหนีไม่พ้นการสร้างอารมณ์ร่วมในพาทของดราม่าได้ดีมาก เหมือนเขาจะเน้นตรงนี้เลย
- ถึงแม้จะเล่นรูปแบบเก่าๆที่ WWZ เคยทำ แต่ตัวหนังก็ยังคงสนุกอยู่ด้วยความที่้ใช้พื้นที่แคบ
- นักแสดงหลักต่างๆ โดยเฉพาะพระเอก ตาคนอ้วนๆ ผมว่าแสดงได้ดีนะ จากที่แกเคยเล่นซี่รี่ย์มาก่อน
- ความสนุกของหนังมันเปรียบเสมือนเกม ผ่านด่านไปเรื่อยๆ ตัวละครมีเยอะหลากหลายบุคคลิก
- ความเซอร์วิสเล็กๆของนักแสดงสาวๆ และความน่ารัก
- การเรียกน้ำตา อันนี้ยอมเลยครับเรื่องนี้ทำได้ดีมาก ผมนี้กลั้นไว้ตลอด
- การใช้สมองของตัวละครหลักในเรื่อง จริงๆมันก็ธรรมดาแหละครับ แต่ผมชิ่นชมการเรียงลำดับ

ข้อเสีย
- CG สงสัยเราคงดูหนัง Hollywood มากเกินไป แต่สำหรับคนเกาหลีแล้วเรื่องนี้ก็พอได้ครับ
- การแสดงของซอมบี้ ขัดใจผมเอามากๆ มันไม่ค่อยให้อารมณ์ของการเป็นซอมบี้เท่าไร จากประสบการณ์ที่เล่นเกมซอมบี้มาแทบทุกเกม ดูหนังซี่รี่ย์มาแทบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับซอมบี้ แต่เรื่องนี้ผมกลับตลกในบางช่วง
- เส้นการเปิดเรื่องมันธรรมดา จริงๆถ้าหนังฉายเร็วกว่านี้ซัก 10 ปี คงไม่มีแง่ลบอันนี้
- บางอย่างมันก็ไร้ความเมกเซ้นไปหน่อยนึง เช่น การสู้ตอนท้ายๆของพระเอกมันขัดกับตอนต้นๆ ไปดูเอาเองครับ

โดยรวมมันเป็นหนังที่ดีครับ สำหรับในยุคที่หนัง "ซอมบี้" เต็มไปหมด คือโอเคมันสร้างความตื่นเต้นและอารมณ์ร่วมให้เราได้ แต่ถ้าผมถามว่ามันดีสุดไหม ก็ไม่ครับ ยังมีหนัง "ซอมบี้" เรื่องอื่นที่ผมชอบมากกว่า

Saturday, August 20, 2016

ล่าสุดจากการสั่งหนังสือต่างประเทศจาก Bookdepository

ปกติก็สั่งจากเว็บนี้บ่อยที่สุดครับ แต่คราวนี้เราจะมาอัพเดทล่าสุดกันเลยว่าคุณภาพอะไรเป็นยังไง
วันนี้เป็นวันที่ 20 สิงหาคม 2559 ผมได้รับของมาสดๆร้อนๆเมื่อตอนช่วงบ่ายๆ


ผมขอเริ่มจากระยะเวลาก่อนเลย ครั้งนี้แปลกสำหรับผมเพราะใช้เวลาทั้งหมด 16 วัน ( รวมวันหยุด )
นับตั้งแต่วันที่ของถูก Ship ออกมาแล้ว โดยปกติสำหรับผมที่อาศัยแถว กทม. ประมาณ 10 วันได้ของ

แต่เรื่องระยะเวลาก็ยังน่าพอใจอยู่ในระดับนึงครับ โดยผู้มาส่งก็เป้ฯไปรษณีไทยเจ้าเดิมนี้เอง


 ของถูกบรรจุมาในรูปแบบเดิมครับ คือแพคแนบสนิทกับกล่องกระดาษแข็งสีน้ำตาลทั้ง 2 ด้าน




 เปิดมาด้านใน ก็มีการบรรจุปิดแนบสนิทอย่างดีเหมือนเดิมครับ




ด้านตัวหนังสือที่ผมสั่งนั้นเป็น Art book มีการพ่อพลาสติดใสอีกชั้นนึง
แต่ตรงด้านมุมหนังสือมีรอยบุบๆนิดนึง ( แต่ยังไม่เท่าตอนผมสั่งจาก Amazon )



 ลืมบอกครับ เขาแแนบใบเสร็จมาให้ด้วยเช่นกัน



และของแถมที่มีทุกครั้งคือที่คั่นหนังสือให้ 1 อัน ที่ออกแบบโดยทาง Bookdepository เอง
ตอนนี้ผมได้ 6 - 7 อันไม่ซ้ำเลยครับ แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันมีอีกกี่แบบ



สุดท้ายไม่เกี่ยวกับการขนส่งครับ แต่เป็นเนื้อหาในหนังสือเอามาโชว์นิดนึง
โดยรวมแล้ว Bookdepository ก็ยังตอบโจทย์ผมอยู่ ทั้งเรื่องการขนส่ง คุณภาพ และราคา

Sunday, August 7, 2016

Batman v Superman: Dawn of Justice Ultimate Edition | Review




ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ผู้คนทั่วโลกตั้งหน้าตั้งตาอยากดูกันจนใจจะขาด สุดท้ายผลจากการที่คาดหวังมากเกินไป ส่งผลให้เกินกระแสทางด้านลบอย่างรุนแรง นั้นคือ B V S ในช่วงวันที่ผมไปดูในโรงผมไม่ได้นอนหลับมา 1 คืนเต็มๆเนื่องจากมีโปรเจคใหญ่ แต่เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ผมหลับแต่อย่างใด ผมตั้งใจดูทุกจุด

ผมจะขอมองข้ามในตัวเวอร์ชั่นหนังโรงใหญ่ออกไป เพราะคุณก็รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นเช่นไร
แต่เราจะมาพูดกันถึงเวอร์ชั่น Ultimate Edition ที่เพิ่มเนื้อหาต่างๆเข้ามา
เหมือนเดิมครับ ผมจะขอรีวิวในรูปแบบง่ายๆโดยแบ่งเป็น ข้อดี และ ข้อเสีย

ข้อดี
- งานภาพของ Zack ที่ผมชอบเอามากๆ แกชอบเล่นภาพช้ากับพวกรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่เรามองเห็นแต่มองข้ามมันไป แต่ Zack เลือกที่จะนำเสนอออกมาได้อย่างมีศิลปะ
- เพลงประกอบติดหูผมทุกเพลงโดยเฉพาะเพลงประจำของคุณแม่ Wonder Women
- ฉากต่อสู้ถึงมันจะมีน้อยแต่ผมมองว่ามันมีพลังและทำออกมาได้เท่จริงๆ
- สิ่งที่ดีงามคือการที่เราได้เห็นฮีโร่ยอดนิยมมาเจอกันบนจอภาพยนตร์
- สำหรับเวอร์ชั่น Ultimate Edition ผมมองว่าความสมเหตุสมผลของฉาก ชื่อแม่ มันมีพลังมากขึ้น
- Ben affleck ผม่วาเขาเล่นเป็นบท Bruce wayne ได้เข้าถึงมากๆ
- ความโหดของ Batman ในฉากโกดัง นี้แหละสิ่งที่ทุกคนตามหาก
- การแสดงของ Superman โดยเฉพาะเรื่องสีหน้า ผมยกให้ Henry cavill แกเล่นหน้าตาดีจริง
- การจับตัวละคร 2 ตัวที่สเกลพลังห่างกันมาปะทะกัน เป็นอะไรที่คุณๆต้องไปดู

ข้อเสีย
- ข้อนี้ยังไงก็แก้ไม่ได้ คือการที่โยนอาวุธลับชิ้นนั้น แล้วกลับลงไปเก็บ ผมมองว่ามันงี่เง่ามาก
- ปัญหาด้านการดำเนินเรื่องที่ยังคงมีการตัดต่อแบบโดดๆอยู่ดี ถึงแม้จะแก้แล้วแต่มันยังไม่หมด
- ความฉลาดของ Batman ที่มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลยที่เป็นมานานแล้วแต่ยังหัวร้อนและไม่มีสติ
- ภาพลักษณ์ใหม่ของ Batman จริงๆจนมาถึงตอนนี้ผมก็ยังรับไม่ค่อยได้ในเรื่องของหูสั้น
- โทนหนังที่เหมือนพยายามจะดาร์ก แต่ไม่สุด ที่ใครๆเขาว่าหนังมันดาร์กสำหรับผมเฉยๆมากเลยนะ เทียบกับพวก Watchmen นี้ยังห่างชั้นกันเยอะอยู่
- การยัดเยียดข้อมูลให้คนดูมากเกินทั้งฉากตัวลับมา ฉากความฝัน ฉากฮีโร่คนอื่นๆ จนทำให้ขาดจุดโฟกัส

สุดท้ายผมมองว่า B V S ยังมีปัญหาอยู่เล็กน้อยในฉบับ Ultimate Edition แต่ดีขึ้นจากฉบับโรงเยอะมาก ช่วยเติมเต็มเหตุผลต่างๆนาๆ เสริมปม และพลังในหนังมากขึ้น ผมยังชอบ Zack อยู่เหมือนเดิม แกเป็นผู้กำกับที่มีงานภาพโดดเด่น แต่ถ้าแกกับลูกทีมสร้างปมเนื้อเรื่องให้มีพลังได้มากกว่านี้ มันจะเป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในรอบปีเลยก็ได้

การสั่งหนังสือภาษาอังกฤษจากที่ต่างๆ | Review

เชื่อว่าหลายๆคนต้องการหนังสือบางอย่างที่มันดันนน ไม่มีภาษาไทย
แต่มีภาษาอังกฤษให้เราๆแทน ที่นี้ช่องทางการหาซื้อละ

วันนี้ผมจะมาชี้ช่องทางจากประสบการณ์ของผมในการซื้อ
ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องคุณภาพ ราคา ระยะเวลา บลาๆๆ ต่างๆนาๆ

จากประสบการณ์ที่เคยซื้อนะครับ มีทั้งหมด 4 แหล่งด้วยกัน
1.Bookdepository
2.Amazon
3.Kinokuniya
4.Asiabooks

ทั้งหมดนี้ผมจะรีวิวตามลำดับเลยนะครับเริ่มจาก

1.Bookdepository


สำหรับ Bookdepository ผมค่อนข้างพอใจเป็นอย่างมากครับ
- หนังสือส่งฟรีทั่วโลก
- ส่งไวระยะเวลาโดยประมาณ 10 - 15 วัน ( สำหรับผมคนที่อยู่กรุงเทพ )
- ราคาหนังสือถูก ( แต่ก็มีบางอันที่อื่นถูกกว่า แต่ส่วนใหญ่ที่นี้ถูก )
- การสั่งซื้อง่ายครับใช้เชื่อมกับบัตรที่มี Visa ก็สามารถตัดจากยอดได้เลย
- สภาพหนังสือที่ได้รับห่อหุ้มมาดี แถมที่คั่นหนังสือด้วยถึงแม้จะเป็นหนังสือพวก Artbook 

สรุปแล้วผมชอบครับ หนังสือราคาถูก มาส่งไว
เขามาส่งถึงหน้าบ้านเราเลยโดยตัวแทนส่งหรือไปรษณีย์ไทยแล้วแต่ที่


2.Amazon

สถานที่ต่อไป Amazon อันนี้เป็นที่แรกเลยสมัยที่ผมสั่งหนังสือจากต่างประเทศแรกๆ
- มีหนังสือให้เลือกหลากหลายมากๆ เยอะที่สุดแล้ว
- ราคาถูก จริงๆมันถูกที่สุดเลยครับ แต่ทำไมผมไม่ชอบละ ? เพราะว่า
- ค่าส่งที่แพงมหาศาล ค่าส่งนี้พอๆกับหนังสือเลยครับ ขนาดเลือกส่งช้าสุดนะ
- สภาพหนังสือ อันนี้ไม่รู้ผมดวงซวยรึเปล่า เหมือนเขาจะใส่กระสอบมาแล้วใส่กล่องอีกชั้น ตอนนั้นที่สั่งมาขอบหนังสือบุบเป็นบางส่วนครับ
- ระยะเวลาการส่ง อันนี้เขาจะมีให้เลือก 3 ระดับ ส่งไว ส่งช้า ส่งปานกลาง ราคาก็แพงขึ้นตามคุณภาพ ผมเลือกส่งช้าสุด เป็นเดือนครับ ใช้เวลาพอสมควร

ผมรู้สึกผมหวังกับเจ้านี้นิดๆครับ แต่ถ้าเกิดว่าผมอยู่พวก USA
ผมคงพอใจเพราะเขามีบริการส่งฟรีในประเทศ แถมหนังสือราคาก็ถูก


3.Kinokuniya


เชื่อว่าหลายๆท่านคงรู้จักเจ้านี้ดี เพราะมีหน้าร้านตั้งอยู่ในประเทศไทย วัยรุ่นส่วนใหญ่คงรู้จัก
- มีหน้าร้านที่เราไปหยิบจับได้เลยทันทีไม่ต้องรอเสี่ยงดวง
- ราคาหนังสือ โดยประมาณครับไม่ถูกไม่แพง น่าจะเป็นราคากลางสุด
- มีบริการส่งฟรีถ้าซื้อครบ 1 พันบาท แถมคุณภาพกรส่งดีด้วยครับโทรมาก่อนตลอด
- ส่งเร็ว 2 วันก็ถึงแล้ว ( สำหรับ กทม. ) ถ้าสินค้ามีในคลังนะครับ
- สภาพหนังสือดีมากๆ มีการห่อปกให้ด้วย หรือเราจะไม่ห่อก็เลือกได้ครับ
- มีโปรส่วนลดมาบ่อยๆ

ร้านนี้จะเป็นร้านแรกๆเวลาที่ผมต้องการจะสั่งหนังสือจากต่างประเทศครับ
เพราะว่าถ้ามีหนังสือในคลังเราจะได้รับรวดเร็วทันใจ แต่ถ้าไม่มีก็รอนานครับ


4.Asiabooks

เจ้านี้มีช่วงนึงกระแสโจมตีแง่ลบเยอะมากครับ แต่ช่วงนี้น่าจะปรับปรุงมากขึ้นแล้ว
- มีหน้าร้านเยอะ เยอะกว่า Kino ครับ
- ราคาขึ้นๆลงๆครับ ขึ้นอยู่กับสินค้าที่เราจะสั่งต้องเช็คดูดีๆบางทีก็มีลด
- บริการส่งฟรีเมื่อซื้อ 1 พันบาทขึ้น ส่งไวอยู่ครับ 3 - 5 วัน
- สภาพหนังสืออยู่ในระดับที่ดีเช่นกัน
- ระบบสั่งซื้อมีการล่าช้านิดหน่อย


สุดท้ายครับหากท่านใดกำลังตัดสินใจที่จะซื้อหนังสืออยู่ อยากให้ลองเช็คระบบ
ของทั้ง 4 แห่งนี้ บางที่ราคาถูกกว่า แต่ค่าส่งแพงกว่า ลองคำนวณๆกันดูครับ
บางที่ราคาถูกแต่ไม่มีของ ส่งช้า รอนาน คำนวณกันดีๆครับ ขอให้โชคดีกับการอ่านครับ

Suicide Squad | Review

สวัสดีครับจริงๆผมอยากจะหาพื้นที่สำหรับการเขียนบทความหรืออะไรต่างๆนาๆมามากแล้ว
ปกติก็เขียนใน Facebook เนี่ยแหละ แต่บางอย่างมันมีความเป็นส่วนตัวเกินไปจึงต้องหาพื้นที่

ขอประเดิมเรื่องแรกที่เขียนนั้นคือรีวิว Suicide Squad ฉบับผมเอง
บอกไว้ก่อนผมเป็นติ่ง DC นิดๆ แต่ไม่แสดงตนมากเท่าไร วันนี้จึงอยากลอง
มารีวิวหลังจากที่ผมไปชมมา 2 รอบ รอบแรกในฉบับซับ รอบสองคือพากย์ไทย
การรีวิวของผมอยากจะยกเป็น ข้อดี และ ข้อเสีย แยกเป็นส่วนๆกันไปนะครับ




ข้อดี
- Harley quinn เล่นโคตรดีๆๆๆๆๆๆสุดแล้วสีสันสุดๆ
- มันไม่เปิดเผยเลยนะว่าใครเป็นบอส ผมชอบที่ผมเดาไม่ถูก
- มุกตลกสอดแทรกดูเพลินๆดี จิกกัดกันไปมา ขำแบบแฮะๆแต่ไม่ลั่น
- ดูแล้วโลกของ DC มันยิ่งใหญ่จริงๆ ตัวละครโผล่มาเยอะแท้
- สีสันที่จัดจ้านของตัวหนังผมชอบงานศิลป์ในหนังนะ
- ผมชอบอินโทรการเปิดตัวของแต่ละคนโดยรวมแล้วดียกเว้นบางคน
- มิติตัวละครพวกคนในทีมที่มันโยนกันไปกันมาสนุกดี
- Easter egg ผมชอบนะมีการเชื่อมโยงหลายอย่างดี

ข้อเสีย
- Joker เล่นเรียบไปหน่อยเราไม่อิน ไม่ใช่ภาคหลักเขาด้วยแหละ เลยไม่ค่อยได้โชว์ของเท่าไร แต่มันก็ไม่ได้แย่หรือน่าเกียจอะไร บทนี้ใครมาเล่นก็ต้องโดนเทียบ
- Batman ตอนโผล่มาตอนแรกส่วนตัวผมว่าอย่างกะหนังทุนต่ำ
- Killer croc ผมคิดว่าตัวมันเล็กไปหน่อยอยากให้ล้ำๆกว่านี้
- ตัดต่อมันแบบว่าเหมือนเร็วๆไปข้ามชอตไปยังไงไม่รู้บางฉากมันตัดอารมณ์โคตรไว ไม่รอบิ้วก่อนเลย
- บทมันมีบางอย่างที่ผมเดาได้ง่ายอะ ว่าต้องเป็นแบบนี้ๆแน่นอน
- CG ส่วนตัวผมว่ามันมีจุดไม่เนียนเยอะอยู่ ถ้าดูพวกหนังสั้นตาม Youtube จะเห็นได้ชัดว่าระดับมันพอๆกัน มันดีนะแต่มันควรจะไปไกลกว่าสำหรับหนังใหญ่
- ผมมีปัญหากะพวกบอสใหญ่แทบทุกเรื่อง คือแม่งง่อยอะไม่ค่อยจะ make sense
- ฉาก Action ผมคิดว่าควรจะทำได้เท่กว่านี้ขึ้นไปอีก

มองรวมๆแล้วสนุกนะครับผมว่า ถ้าเราไม่ได้หวังอะไร ( เพราะผมเตรียมใจจากกระแสแง่ลบไว้แล้ว ) ดูได้เรื่อยๆแต่มันไม่ได้พีคอะไร มันธรรมดาๆมาก ตอนจบมันเหมือนการเปิดโลก DC ให้กว้างไกลไปอีก หวังว่าจะค่อยๆพัฒนากันไปนะครับ เดี๋ยวซักวันก็ดีเอง Harley quinn ตัวชูโรงเลยครับถ้าไม่มีเธอหนังจะกร่อยไปเยอะถ้าระดับการให้คะแนนผมพูดยากครับ เอาเป็นว่ามันสนุกแบบเพลินๆละกัน