Tuesday, August 30, 2016

Train To Busan | Review


เราอยู่ในยุคที่คำว่า "ซอมบี้" กลายเป็นคำธรรมดาๆคำนึง ไม่ว่าจะในหนังหรือเกม การ์ตูน ล้วนแล้วแต่เล่นกันจนช้ำมาหมดแล้ว วันนี้เราจะมาดูกันว่าในยุคนี้ Train To Busan จะสามารถสร้างความแตกต่างกันได้ไหม



สวัสดีครับวันนี้ผมจะมารีวิวหนังเกาหลีเรื่อง Train To Busan ที่กำลังเป็นกระแสมาแรงมากๆ แต่วันที่ผมเขียนรีวิวนี้หนังก็ฉากไปเกือบ 3 อาทิตย์แล้วมั้ง หลายๆท่านคงดูกันมาหมดแล้ว ผมก็จะมารีวีวในรูปแบบของผมเช่นเคย นั้นคือบอกข้อดี และ ข้อเสีย แยกกันเป็นข้อๆไป งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะครับ


ข้อดี
- หลักๆคงหนีไม่พ้นการสร้างอารมณ์ร่วมในพาทของดราม่าได้ดีมาก เหมือนเขาจะเน้นตรงนี้เลย
- ถึงแม้จะเล่นรูปแบบเก่าๆที่ WWZ เคยทำ แต่ตัวหนังก็ยังคงสนุกอยู่ด้วยความที่้ใช้พื้นที่แคบ
- นักแสดงหลักต่างๆ โดยเฉพาะพระเอก ตาคนอ้วนๆ ผมว่าแสดงได้ดีนะ จากที่แกเคยเล่นซี่รี่ย์มาก่อน
- ความสนุกของหนังมันเปรียบเสมือนเกม ผ่านด่านไปเรื่อยๆ ตัวละครมีเยอะหลากหลายบุคคลิก
- ความเซอร์วิสเล็กๆของนักแสดงสาวๆ และความน่ารัก
- การเรียกน้ำตา อันนี้ยอมเลยครับเรื่องนี้ทำได้ดีมาก ผมนี้กลั้นไว้ตลอด
- การใช้สมองของตัวละครหลักในเรื่อง จริงๆมันก็ธรรมดาแหละครับ แต่ผมชิ่นชมการเรียงลำดับ

ข้อเสีย
- CG สงสัยเราคงดูหนัง Hollywood มากเกินไป แต่สำหรับคนเกาหลีแล้วเรื่องนี้ก็พอได้ครับ
- การแสดงของซอมบี้ ขัดใจผมเอามากๆ มันไม่ค่อยให้อารมณ์ของการเป็นซอมบี้เท่าไร จากประสบการณ์ที่เล่นเกมซอมบี้มาแทบทุกเกม ดูหนังซี่รี่ย์มาแทบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับซอมบี้ แต่เรื่องนี้ผมกลับตลกในบางช่วง
- เส้นการเปิดเรื่องมันธรรมดา จริงๆถ้าหนังฉายเร็วกว่านี้ซัก 10 ปี คงไม่มีแง่ลบอันนี้
- บางอย่างมันก็ไร้ความเมกเซ้นไปหน่อยนึง เช่น การสู้ตอนท้ายๆของพระเอกมันขัดกับตอนต้นๆ ไปดูเอาเองครับ

โดยรวมมันเป็นหนังที่ดีครับ สำหรับในยุคที่หนัง "ซอมบี้" เต็มไปหมด คือโอเคมันสร้างความตื่นเต้นและอารมณ์ร่วมให้เราได้ แต่ถ้าผมถามว่ามันดีสุดไหม ก็ไม่ครับ ยังมีหนัง "ซอมบี้" เรื่องอื่นที่ผมชอบมากกว่า

Saturday, August 20, 2016

ล่าสุดจากการสั่งหนังสือต่างประเทศจาก Bookdepository

ปกติก็สั่งจากเว็บนี้บ่อยที่สุดครับ แต่คราวนี้เราจะมาอัพเดทล่าสุดกันเลยว่าคุณภาพอะไรเป็นยังไง
วันนี้เป็นวันที่ 20 สิงหาคม 2559 ผมได้รับของมาสดๆร้อนๆเมื่อตอนช่วงบ่ายๆ


ผมขอเริ่มจากระยะเวลาก่อนเลย ครั้งนี้แปลกสำหรับผมเพราะใช้เวลาทั้งหมด 16 วัน ( รวมวันหยุด )
นับตั้งแต่วันที่ของถูก Ship ออกมาแล้ว โดยปกติสำหรับผมที่อาศัยแถว กทม. ประมาณ 10 วันได้ของ

แต่เรื่องระยะเวลาก็ยังน่าพอใจอยู่ในระดับนึงครับ โดยผู้มาส่งก็เป้ฯไปรษณีไทยเจ้าเดิมนี้เอง


 ของถูกบรรจุมาในรูปแบบเดิมครับ คือแพคแนบสนิทกับกล่องกระดาษแข็งสีน้ำตาลทั้ง 2 ด้าน




 เปิดมาด้านใน ก็มีการบรรจุปิดแนบสนิทอย่างดีเหมือนเดิมครับ




ด้านตัวหนังสือที่ผมสั่งนั้นเป็น Art book มีการพ่อพลาสติดใสอีกชั้นนึง
แต่ตรงด้านมุมหนังสือมีรอยบุบๆนิดนึง ( แต่ยังไม่เท่าตอนผมสั่งจาก Amazon )



 ลืมบอกครับ เขาแแนบใบเสร็จมาให้ด้วยเช่นกัน



และของแถมที่มีทุกครั้งคือที่คั่นหนังสือให้ 1 อัน ที่ออกแบบโดยทาง Bookdepository เอง
ตอนนี้ผมได้ 6 - 7 อันไม่ซ้ำเลยครับ แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันมีอีกกี่แบบ



สุดท้ายไม่เกี่ยวกับการขนส่งครับ แต่เป็นเนื้อหาในหนังสือเอามาโชว์นิดนึง
โดยรวมแล้ว Bookdepository ก็ยังตอบโจทย์ผมอยู่ ทั้งเรื่องการขนส่ง คุณภาพ และราคา

Sunday, August 7, 2016

Batman v Superman: Dawn of Justice Ultimate Edition | Review




ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ผู้คนทั่วโลกตั้งหน้าตั้งตาอยากดูกันจนใจจะขาด สุดท้ายผลจากการที่คาดหวังมากเกินไป ส่งผลให้เกินกระแสทางด้านลบอย่างรุนแรง นั้นคือ B V S ในช่วงวันที่ผมไปดูในโรงผมไม่ได้นอนหลับมา 1 คืนเต็มๆเนื่องจากมีโปรเจคใหญ่ แต่เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ผมหลับแต่อย่างใด ผมตั้งใจดูทุกจุด

ผมจะขอมองข้ามในตัวเวอร์ชั่นหนังโรงใหญ่ออกไป เพราะคุณก็รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นเช่นไร
แต่เราจะมาพูดกันถึงเวอร์ชั่น Ultimate Edition ที่เพิ่มเนื้อหาต่างๆเข้ามา
เหมือนเดิมครับ ผมจะขอรีวิวในรูปแบบง่ายๆโดยแบ่งเป็น ข้อดี และ ข้อเสีย

ข้อดี
- งานภาพของ Zack ที่ผมชอบเอามากๆ แกชอบเล่นภาพช้ากับพวกรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่เรามองเห็นแต่มองข้ามมันไป แต่ Zack เลือกที่จะนำเสนอออกมาได้อย่างมีศิลปะ
- เพลงประกอบติดหูผมทุกเพลงโดยเฉพาะเพลงประจำของคุณแม่ Wonder Women
- ฉากต่อสู้ถึงมันจะมีน้อยแต่ผมมองว่ามันมีพลังและทำออกมาได้เท่จริงๆ
- สิ่งที่ดีงามคือการที่เราได้เห็นฮีโร่ยอดนิยมมาเจอกันบนจอภาพยนตร์
- สำหรับเวอร์ชั่น Ultimate Edition ผมมองว่าความสมเหตุสมผลของฉาก ชื่อแม่ มันมีพลังมากขึ้น
- Ben affleck ผม่วาเขาเล่นเป็นบท Bruce wayne ได้เข้าถึงมากๆ
- ความโหดของ Batman ในฉากโกดัง นี้แหละสิ่งที่ทุกคนตามหาก
- การแสดงของ Superman โดยเฉพาะเรื่องสีหน้า ผมยกให้ Henry cavill แกเล่นหน้าตาดีจริง
- การจับตัวละคร 2 ตัวที่สเกลพลังห่างกันมาปะทะกัน เป็นอะไรที่คุณๆต้องไปดู

ข้อเสีย
- ข้อนี้ยังไงก็แก้ไม่ได้ คือการที่โยนอาวุธลับชิ้นนั้น แล้วกลับลงไปเก็บ ผมมองว่ามันงี่เง่ามาก
- ปัญหาด้านการดำเนินเรื่องที่ยังคงมีการตัดต่อแบบโดดๆอยู่ดี ถึงแม้จะแก้แล้วแต่มันยังไม่หมด
- ความฉลาดของ Batman ที่มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลยที่เป็นมานานแล้วแต่ยังหัวร้อนและไม่มีสติ
- ภาพลักษณ์ใหม่ของ Batman จริงๆจนมาถึงตอนนี้ผมก็ยังรับไม่ค่อยได้ในเรื่องของหูสั้น
- โทนหนังที่เหมือนพยายามจะดาร์ก แต่ไม่สุด ที่ใครๆเขาว่าหนังมันดาร์กสำหรับผมเฉยๆมากเลยนะ เทียบกับพวก Watchmen นี้ยังห่างชั้นกันเยอะอยู่
- การยัดเยียดข้อมูลให้คนดูมากเกินทั้งฉากตัวลับมา ฉากความฝัน ฉากฮีโร่คนอื่นๆ จนทำให้ขาดจุดโฟกัส

สุดท้ายผมมองว่า B V S ยังมีปัญหาอยู่เล็กน้อยในฉบับ Ultimate Edition แต่ดีขึ้นจากฉบับโรงเยอะมาก ช่วยเติมเต็มเหตุผลต่างๆนาๆ เสริมปม และพลังในหนังมากขึ้น ผมยังชอบ Zack อยู่เหมือนเดิม แกเป็นผู้กำกับที่มีงานภาพโดดเด่น แต่ถ้าแกกับลูกทีมสร้างปมเนื้อเรื่องให้มีพลังได้มากกว่านี้ มันจะเป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในรอบปีเลยก็ได้

การสั่งหนังสือภาษาอังกฤษจากที่ต่างๆ | Review

เชื่อว่าหลายๆคนต้องการหนังสือบางอย่างที่มันดันนน ไม่มีภาษาไทย
แต่มีภาษาอังกฤษให้เราๆแทน ที่นี้ช่องทางการหาซื้อละ

วันนี้ผมจะมาชี้ช่องทางจากประสบการณ์ของผมในการซื้อ
ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องคุณภาพ ราคา ระยะเวลา บลาๆๆ ต่างๆนาๆ

จากประสบการณ์ที่เคยซื้อนะครับ มีทั้งหมด 4 แหล่งด้วยกัน
1.Bookdepository
2.Amazon
3.Kinokuniya
4.Asiabooks

ทั้งหมดนี้ผมจะรีวิวตามลำดับเลยนะครับเริ่มจาก

1.Bookdepository


สำหรับ Bookdepository ผมค่อนข้างพอใจเป็นอย่างมากครับ
- หนังสือส่งฟรีทั่วโลก
- ส่งไวระยะเวลาโดยประมาณ 10 - 15 วัน ( สำหรับผมคนที่อยู่กรุงเทพ )
- ราคาหนังสือถูก ( แต่ก็มีบางอันที่อื่นถูกกว่า แต่ส่วนใหญ่ที่นี้ถูก )
- การสั่งซื้อง่ายครับใช้เชื่อมกับบัตรที่มี Visa ก็สามารถตัดจากยอดได้เลย
- สภาพหนังสือที่ได้รับห่อหุ้มมาดี แถมที่คั่นหนังสือด้วยถึงแม้จะเป็นหนังสือพวก Artbook 

สรุปแล้วผมชอบครับ หนังสือราคาถูก มาส่งไว
เขามาส่งถึงหน้าบ้านเราเลยโดยตัวแทนส่งหรือไปรษณีย์ไทยแล้วแต่ที่


2.Amazon

สถานที่ต่อไป Amazon อันนี้เป็นที่แรกเลยสมัยที่ผมสั่งหนังสือจากต่างประเทศแรกๆ
- มีหนังสือให้เลือกหลากหลายมากๆ เยอะที่สุดแล้ว
- ราคาถูก จริงๆมันถูกที่สุดเลยครับ แต่ทำไมผมไม่ชอบละ ? เพราะว่า
- ค่าส่งที่แพงมหาศาล ค่าส่งนี้พอๆกับหนังสือเลยครับ ขนาดเลือกส่งช้าสุดนะ
- สภาพหนังสือ อันนี้ไม่รู้ผมดวงซวยรึเปล่า เหมือนเขาจะใส่กระสอบมาแล้วใส่กล่องอีกชั้น ตอนนั้นที่สั่งมาขอบหนังสือบุบเป็นบางส่วนครับ
- ระยะเวลาการส่ง อันนี้เขาจะมีให้เลือก 3 ระดับ ส่งไว ส่งช้า ส่งปานกลาง ราคาก็แพงขึ้นตามคุณภาพ ผมเลือกส่งช้าสุด เป็นเดือนครับ ใช้เวลาพอสมควร

ผมรู้สึกผมหวังกับเจ้านี้นิดๆครับ แต่ถ้าเกิดว่าผมอยู่พวก USA
ผมคงพอใจเพราะเขามีบริการส่งฟรีในประเทศ แถมหนังสือราคาก็ถูก


3.Kinokuniya


เชื่อว่าหลายๆท่านคงรู้จักเจ้านี้ดี เพราะมีหน้าร้านตั้งอยู่ในประเทศไทย วัยรุ่นส่วนใหญ่คงรู้จัก
- มีหน้าร้านที่เราไปหยิบจับได้เลยทันทีไม่ต้องรอเสี่ยงดวง
- ราคาหนังสือ โดยประมาณครับไม่ถูกไม่แพง น่าจะเป็นราคากลางสุด
- มีบริการส่งฟรีถ้าซื้อครบ 1 พันบาท แถมคุณภาพกรส่งดีด้วยครับโทรมาก่อนตลอด
- ส่งเร็ว 2 วันก็ถึงแล้ว ( สำหรับ กทม. ) ถ้าสินค้ามีในคลังนะครับ
- สภาพหนังสือดีมากๆ มีการห่อปกให้ด้วย หรือเราจะไม่ห่อก็เลือกได้ครับ
- มีโปรส่วนลดมาบ่อยๆ

ร้านนี้จะเป็นร้านแรกๆเวลาที่ผมต้องการจะสั่งหนังสือจากต่างประเทศครับ
เพราะว่าถ้ามีหนังสือในคลังเราจะได้รับรวดเร็วทันใจ แต่ถ้าไม่มีก็รอนานครับ


4.Asiabooks

เจ้านี้มีช่วงนึงกระแสโจมตีแง่ลบเยอะมากครับ แต่ช่วงนี้น่าจะปรับปรุงมากขึ้นแล้ว
- มีหน้าร้านเยอะ เยอะกว่า Kino ครับ
- ราคาขึ้นๆลงๆครับ ขึ้นอยู่กับสินค้าที่เราจะสั่งต้องเช็คดูดีๆบางทีก็มีลด
- บริการส่งฟรีเมื่อซื้อ 1 พันบาทขึ้น ส่งไวอยู่ครับ 3 - 5 วัน
- สภาพหนังสืออยู่ในระดับที่ดีเช่นกัน
- ระบบสั่งซื้อมีการล่าช้านิดหน่อย


สุดท้ายครับหากท่านใดกำลังตัดสินใจที่จะซื้อหนังสืออยู่ อยากให้ลองเช็คระบบ
ของทั้ง 4 แห่งนี้ บางที่ราคาถูกกว่า แต่ค่าส่งแพงกว่า ลองคำนวณๆกันดูครับ
บางที่ราคาถูกแต่ไม่มีของ ส่งช้า รอนาน คำนวณกันดีๆครับ ขอให้โชคดีกับการอ่านครับ

Suicide Squad | Review

สวัสดีครับจริงๆผมอยากจะหาพื้นที่สำหรับการเขียนบทความหรืออะไรต่างๆนาๆมามากแล้ว
ปกติก็เขียนใน Facebook เนี่ยแหละ แต่บางอย่างมันมีความเป็นส่วนตัวเกินไปจึงต้องหาพื้นที่

ขอประเดิมเรื่องแรกที่เขียนนั้นคือรีวิว Suicide Squad ฉบับผมเอง
บอกไว้ก่อนผมเป็นติ่ง DC นิดๆ แต่ไม่แสดงตนมากเท่าไร วันนี้จึงอยากลอง
มารีวิวหลังจากที่ผมไปชมมา 2 รอบ รอบแรกในฉบับซับ รอบสองคือพากย์ไทย
การรีวิวของผมอยากจะยกเป็น ข้อดี และ ข้อเสีย แยกเป็นส่วนๆกันไปนะครับ




ข้อดี
- Harley quinn เล่นโคตรดีๆๆๆๆๆๆสุดแล้วสีสันสุดๆ
- มันไม่เปิดเผยเลยนะว่าใครเป็นบอส ผมชอบที่ผมเดาไม่ถูก
- มุกตลกสอดแทรกดูเพลินๆดี จิกกัดกันไปมา ขำแบบแฮะๆแต่ไม่ลั่น
- ดูแล้วโลกของ DC มันยิ่งใหญ่จริงๆ ตัวละครโผล่มาเยอะแท้
- สีสันที่จัดจ้านของตัวหนังผมชอบงานศิลป์ในหนังนะ
- ผมชอบอินโทรการเปิดตัวของแต่ละคนโดยรวมแล้วดียกเว้นบางคน
- มิติตัวละครพวกคนในทีมที่มันโยนกันไปกันมาสนุกดี
- Easter egg ผมชอบนะมีการเชื่อมโยงหลายอย่างดี

ข้อเสีย
- Joker เล่นเรียบไปหน่อยเราไม่อิน ไม่ใช่ภาคหลักเขาด้วยแหละ เลยไม่ค่อยได้โชว์ของเท่าไร แต่มันก็ไม่ได้แย่หรือน่าเกียจอะไร บทนี้ใครมาเล่นก็ต้องโดนเทียบ
- Batman ตอนโผล่มาตอนแรกส่วนตัวผมว่าอย่างกะหนังทุนต่ำ
- Killer croc ผมคิดว่าตัวมันเล็กไปหน่อยอยากให้ล้ำๆกว่านี้
- ตัดต่อมันแบบว่าเหมือนเร็วๆไปข้ามชอตไปยังไงไม่รู้บางฉากมันตัดอารมณ์โคตรไว ไม่รอบิ้วก่อนเลย
- บทมันมีบางอย่างที่ผมเดาได้ง่ายอะ ว่าต้องเป็นแบบนี้ๆแน่นอน
- CG ส่วนตัวผมว่ามันมีจุดไม่เนียนเยอะอยู่ ถ้าดูพวกหนังสั้นตาม Youtube จะเห็นได้ชัดว่าระดับมันพอๆกัน มันดีนะแต่มันควรจะไปไกลกว่าสำหรับหนังใหญ่
- ผมมีปัญหากะพวกบอสใหญ่แทบทุกเรื่อง คือแม่งง่อยอะไม่ค่อยจะ make sense
- ฉาก Action ผมคิดว่าควรจะทำได้เท่กว่านี้ขึ้นไปอีก

มองรวมๆแล้วสนุกนะครับผมว่า ถ้าเราไม่ได้หวังอะไร ( เพราะผมเตรียมใจจากกระแสแง่ลบไว้แล้ว ) ดูได้เรื่อยๆแต่มันไม่ได้พีคอะไร มันธรรมดาๆมาก ตอนจบมันเหมือนการเปิดโลก DC ให้กว้างไกลไปอีก หวังว่าจะค่อยๆพัฒนากันไปนะครับ เดี๋ยวซักวันก็ดีเอง Harley quinn ตัวชูโรงเลยครับถ้าไม่มีเธอหนังจะกร่อยไปเยอะถ้าระดับการให้คะแนนผมพูดยากครับ เอาเป็นว่ามันสนุกแบบเพลินๆละกัน